กระแสเรียก

ด้วยความขอบคุณ

ด้วยความขอบคุณ

เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ที่ผมเรียนอยู่ ณ กรุงลอนดอน ผมจำได้ว่า ผมมาถึงที่นี่ เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2020 ซึ่งตรงกับวันคล้าย “วันเกิด” ของคณะแห่งพระเยซูเจ้า (คณะเยสุอิตถูกก่อตั้งขึ้นในวันเดียวกันนี้เมื่อปี ค.ศ. 1540) โดยขณะนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย เพราะโควิด 19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก อีกทั้งยังนำมาซึ่งความหวาดกลัว และความไม่แน่นอนสำหรับชีวิตของผู้คนทั่วโลก แต่ถึงแม้ว่า ประเทศอังกฤษจะยังมีล็อกดาวน์อยู่ ผมยังมีความสุขในการอยู่ร่วมกับพี่น้องคณะเยสุอิตที่บ้านโคเปิลสะตัน ซึ่งเป็นบ้านเยสุอิต อยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ชื่อของบ้านแห่งนี้ช่วยให้ระลึกถึงคุณพ่อเฟรเดอริก โคเปิลสะตัน SJ (นักปรัชญาเยสุอิตที่มีชื่อเสียงจากอังกฤษ) เราต่างช่วยกันดูแลบ้านและเปลี่ยนเวรกันทำอาหารด้วยความชื่นชมยินดี

พันธกิจที่ผมได้รับในอังกฤษคือ การศึกษาต่อที่ Institute of Education (IOE) ซึ่งเป็นคณะหนึ่งของ University College London (UCL) โดยผมเริ่มเรียนปริญญาตรี เอกปรัชญาการศึกษา โดยโปรแกรมนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี หรือสามเทอมที่ค่อนข้างหนัก แม้ว่าคอร์สทั้งหมดจะเป็นแบบออนไลน์ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด บรรดาอาจารย์ได้จัดเตรียมบทเขียนที่ดีที่สุดให้พวกเราอ่าน พร้อมทั้งสนับสนุนให้เราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและไอเดียของเราแต่ละคนด้วยการวิพากษ์อย่างตรงไปตรงมา ในช่วงเทอมสุดท้าย ผมเขียนวิทยานิพนธ์ โดยมีหัวข้อชื่อว่า “คุณครูจะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ที่จะคิดได้อย่างไร?” (‘How can Teachers enable Students to Learn How to Think?’) การเขียนครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานจากแนวคิดปรัชญาของฮันนาห์ อาเร็นดท์

หลังจากจบปริญญาโทแล้ว ผมเรียนปริญญาเอกด้านการศึกษา โดยใช้เวลาเริ่มต้นประมาณหนึ่งปีครึ่งในการค้นคว้าจากบทเขียนทางวิชาการที่หลากหลาย และสอบป้องกันบทเสนองานวิจัย (a proposal defence) หลังจากนั้น ผมจึงเริ่มทำวิจัยต่อไปในชื่อว่า “การคิดอย่างมีวิจารณญาณแบบปล่อยวาง: การสนทนาร่วมกันกับฮันนาห์ อาเร็นดท์ และพุทธทาสภิกขุ ด้านการศึกษา” (‘Critical Thinking as Detachment: A Conversation with Hannah Arendt and Buddhadasa in Education’) ผ่านธรรมประเพณีการคิดทั้งสองที่แตกต่างกันนี้ งานวิจัยของผมพยายามที่จะศึกษาว่า ผู้เรียนจะสามารถพัฒนาการคิดของตนเองอย่างอิสระและมีความหมายได้อย่างไร โดยเฉพาะในบริบท ที่ปัจจัยภายนอก (เช่น การเมือง เศรษฐกิจ และความขัดแย้งรุนแรง) ยังคงมีอิทธิพลในโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านงานวิจัยนี้เอง ผมมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดกับบรรดาอาจารย์ที่ปรึกษาที่ UCL และบรรดานักวิชาการระหว่างที่เข้าร่วมงานสัมมนาต่าง ๆ

เมื่อกลับมาไตร่ตรองการเรียนตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผมค้นพบว่า เส้นทางการเรียนเหล่านี้ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากสำหรับการเป็นเยสุอิตของผมเอง มีสามสิ่งที่ผมอยากจะขอบคุณเป็นพิเศษ อย่างแรก ผมเรียนรู้ว่าพันธกิจการเรียนของผมจะดำเนินไปไม่ได้หากปราศจากรากฐานในความรักของพระเจ้า โดยเฉพาะการภาวนาและมิสซา เพราะในการเรียนปริญญาเอกนั้นอาจจะต้องอยู่ลำพังเพื่อที่จะนั่งและเขียน ทำให้ผมไม่อาจจะหลีกเลี่ยงประสบการณ์แห่งความรู้สึกโดดเดี่ยวและวิตกกังวลไปได้ ดังนั้น ชีวิตจิตจึงช่วยผมให้ก้าวผ่านความท้าทายนี้ นอกจากนั้น ผมรู้สึกขอบคุณต่อพี่น้องเยสุอิตที่อยู่ในอังกฤษ ที่มอบการสนับสนุนในทุกสิ่งที่ผมต้องการ และถึงแม้ว่าเราอาจจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พวกเขามอบแบบอย่างที่ดีในการทำงานด้วยความรักและความสัตย์ซื่ออยู่เสมอ ท้ายที่สุด งานอภิบาล (เช่น การทำมิสซา การฟังแก้บาป) ช่วยให้ผมไม่ลืมถึงความเป็นพระสงฆ์เยสุอิตของผม นี่เป็นสิ่งที่สวยงามที่ว่า แม้กระทั่งในความวุ่นวายของ “การเรียน” (‘head’) บุคคลมากมายที่ผมเจอในงานอภิบาลช่วยทำให้ผมตระหนักว่า “ความรัก” (‘heart’) และ “การรับใช้” (‘hand’) มีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน

และหัวใจของผมก็เต็มไปด้วยความขอบคุณ สำหรับทุกสิ่งเหล่านี้! 

( คุณพ่อนพรัตน์ เรือนกูล SJ )

 Bii.jpg

 

 

ข่าวสารล่าสุด

คณะแห่งพระเยซูเจ้า

คณะแห่งพระเยซูเจ้าก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1540 โดยนักบุญอิกญาซีโอ แห่งโลโยลา ร่วมด้วยสหายของท่าน พันธกิจของคณะเยสุอิตคือ พันธกิจแห่งความยุติธรรมและการปองดองซึ่งกันและกัน เพื่อให้พี่น้องชายหญิงได้คืนดีกับพระเจ้า กับตนเอง กับผู้อื่น และกับสิ่งสร้างของพระเจ้า

Subscribe
to Our Newsletter

We are pleased to share the news with you!
(สามารถติดตามข่าวสารคณะเยสุอิตในประเทศไทย
โดยกรอกอีเมลของท่านและกดปุ่ม Subscribe)