"คณะแห่งพระเยซูเจ้าเป็นสถาบันที่อยู่ท่านกลางความตึงเครียด อยู่ในความตึงเครียดที่ลึกมากเลยทีเดียว เยสุอิตคือบุคคลที่ไม่ได้มีจุดศูนย์กลางในตัวของตนเอง แม้แต่คณะเองก็ยังมองไปยังศูนย์กลางที่อยู่ภายนอกคณะ นั่นคือ ศูนย์กลางในพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักของพระองค์ ดังนั้น ถ้าคณะมีจุดศูนย์กลางในพระคริสตเจ้า และพระศาสนจักรแล้ว จะมี 2 สิ่งสำคัญ ที่สร้างความสมดุล และเป็นคุณสมบัติของการดำเนินชีวิต ท่านกลางดินแดนที่อยู่ชายขอบสังคม หรือเขตแดนแนวหน้าที่ยังไม่มีใครเข้าถึง ถ้าหากว่าเรามุ่งมายังตัวเราเองมากเกินไป มากจนกระทั่งได้ถลำลึก และกลายเป็นสิ่งสร้างที่หนาแน่น นี่เองจะกลายเป็นความเสี่ยงของความรู้สึกปลอดภัยและความพึงพอใจในตัวเองเท่านั้น คณะแห่งพระเยซูเจ้าต้องมี Deus semper maior "พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าหมดเสมอ" พระองค์ผู้ทรงใหญ่ยิ่งกว่าเสมอ และพยายามทำให้พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้านั้นทวีมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ คณะฯ ต้องมีพระศาสนจักรซึ่งเป็นเจ้าสาวของพระคริสตเจ้า กษัตริย์ผู้พิชิตหัวใจของเรา แม้ว่าเราอาจเปรียบได้ดังเช่นภาชนะดินเผาที่ไม่คู่ควรเลยก็ตาม ในพระองค์นี่แหละ เราได้มอบตัวเราเองทั้งครบ และกิจการงานที่ยากลำบากของเราทั้งหมด ความตึงเครียดนี้เองที่ทำให้เราออกจากตัวเราเองอย่างต่อเนื่อง"
"เยสุอิตต้องคิดแล้วคิดอีกอยู่เสมอ มุ่งไปยังวิถีทางที่พวกเขาต้องดำเนินต่อไป โดยมีพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง นี่คือความแข็งแกร่งอันแท้จริงของเขา และเป็นแรงผลักดันให้คณะแสวงหา มีความคิดสร้างสรรค์ และมีใจเอื้ออาทรต่อผู้อื่น ณ ขณะนี้เอง และมากกว่าครั้งใดๆ คณะเยสุอิตต้องมีบุคคลพิศเพ่งภาวนาท่ามกลางกิจกรรมทั้งหลาย ต้องดำเนินชีวิตและมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อพระศาสนจักรท้้งครบ ซึ่งหมายถึงประชากรของพระเจ้า และต่อพระศาสนจักรซึ่งเป็นทั้งมารดาและมีลำดับขั้นตอนตามฐานันดรศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้เรียกร้องความสุภาพถ่อมตัว การเสียสละ และความกล้าหาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อท่านต้องถูกเข้าใจผิด หรือท่านอาจเป็นเหตุแห่งความเข้าใจผิดหรือการใส่ร้ายนั้น อย่างไรก็ดี นี่เองที่ทำให้เกิดผลตามมามากที่สุด"
โดยคุณพ่ออันโตนีโอ สปาดาโร S.J.
สิงหาคม ค.ศ. 2013