ลักษณะเฉพาะของแนวทางการดำเนินชีวิตของเรา
1. ความรักอันลึกซึ้งส่วนตัวต่อพระเยซูคริสตเจ้า
ท่านนักบุญอิกญาซีโอเป็นบุคคลแรก และเยสุอิตแต่ละคน เคยสวดภาวนาต่อ “พระคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย ผู้ทรงถูกตรึงอยู่บนกางเขนต่อหน้าข้าพเจ้า” ด้วยความเวทนา ความกตัญญู และความพิศวง และเหนืออื่นใดด้วยความรักสุดหัวใจนั้น และได้ถามตัวเองว่า “ข้าพเจ้าได้ทำอะไรเพื่อพระคริสต์บ้าง ข้าพเจ้ากำลังทำอะไรเพื่อพระองค์อยู่ในขณะนี้ และข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อพระองค์อีก” [การปฏิบัติจิตของนักบุญอิกญาซีโอ] คำถามที่มาจากหัวใจเหล่านี้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความกตัญญูและความรักอย่างลึกซึ้ง นี่เป็นพระหรรษทานพื้นฐานที่ผูกมัดเยสุอิตไว้กับพระเยซูเจ้า และผูกพันสมาชิกของคณะฯ เข้าด้วยกัน “การเป็นเยสุอิตในปัจจุบันนี้คืออะไร คือการรู้ว่าตนเป็นคนบาป แต่ก็ถูกเรียกมาให้เป็นเพื่อนร่วมงานของพระเยซูเจ้า เฉกเช่นเดียวกับที่ท่านนักบุญอิกญาซีโอเคยเป็น" [สมัชชาใหญ่ที่ 32 ของคณะเยสุอิต]
2. การพิศเพ่งภาวนาในชีวิตการงาน
ดังนั้น การค้นพบและการร่วมมือกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงทำงานเพื่อนำสรรพสิ่งไปสู่ความสมบูรณ์พร้อม จึงเป็นกุญแจที่นำไปสู่วิถีทางการปฏิบัติตนของเยสุอิตนั่นเอง วิธีการจำแนกความดลใจของจิตด้วยการภาวนาแบบท่านนักบุญอิกญาซีโอ ซึ่งสามารถอธิบายว่าเป็น “การผสมผสานระหว่างประสบการณ์ การรำพึงไตร่ตรอง การตัดสินใจ และการลงมือปฏิบัติ ตามอุดมการณ์ของเยสุอิตซึ่งถือการเป็น 'คนพิศเพ่งภาวนา แม้ท่ามกลางการทำงาน' ” [สมัชชาใหญ่ที่ 32 ของคณะเยสุอิต]
3. องค์กรแพร่ธรรมในพระศาสนจักร
เยสุอิตในปัจจุบันมารวมกันเพราะเราแต่ละคนได้ยินพระกระแสเรียกจากพระคริสตกษัตริย์ จากความสนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า ความรักฉันพี่น้องจึงต้องหลั่งไหลออกมา เรามิได้เป็นแต่เพียงคนทำงานร่วมกันเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า กลุ่มคณะที่เราเป็นสมาชิกอยู่นั้น เป็นองค์กรทั้งหมดของคณะฯ เอง ไม่ว่าจะกระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของโลกเท่าใดก็ตาม แม้ว่าสมาชิกจะมาจากหลายๆ ประเทศ มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และพูดหลายภาษาก็ตาม ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา แทนที่จะถูกคุกคาม กลับจะอุดมมากยิ่งขึ้นเพราะความหลากหลายนี้การที่เราจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระศาสนจักรซึ่งเป็นเจ้าสาวและประชากรของพระองค์นั้น เราจะสนิทสัมพันธ์กับสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นพิเศษ เพื่อพระองค์จะได้ส่งเราไปทำงานแพร่ธรรมซึ่งพระองค์ท่านจะมอบหมายให้
4. สมานฉันท์กับผู้ที่มีความต้องการมากที่สุด
ท่านนักบุญอิกญาซีโอและศิษย์ของท่าน เริ่มการเทศน์สอนด้วยความยากจน พวกเขาทำงานกับผู้มีอำนาจและผู้ที่ไร้อำนาจ กับเจ้าชาย กษัตริย์ และพระสังฆราช และสตรีตามท้องถนน และเหยื่อของโรคระบาด พวกเขาโยงภารกิจที่กระทำกับผู้ที่มีอำนาจกับการตอบสนองความต้องการของผู้ที่ไร้ซึ่งอำนาจ ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าภารกิจของเราจะเป็นอะไรก็ตาม เราเยสุอิตแสดงสมานฉันท์กับคนยากจน ผู้ที่ถูกกีดกันออกจากสังคม และผู้ที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียง ทั้งนี้เพื่อช่วยพวกเขาให้ร่วมส่วนในกระบวนการหล่อหลอมสังคมที่เราทุกคนดำเนินชีวิตและทำงาน
5. ความร่วมมือกันกับผู้อื่น
ความร่วมมือกันและการทำงานด้วยกันกับผู้อื่นในงานอภิบาลนั้น … เป็นมิติที่จำเป็นของวิถีทางของเยสุอิตในยุคร่วมสมัยนี้ มิตินี้มีรากฐานจากการยอมรับว่า การตระเตรียมโลกที่ซับซ้อนและแตกแยกของเรานี้ เพื่อพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าที่กำลังมาถึงนั้น เรียกร้องพระพรที่หลากหลาย แนวคิดและประสบการณ์ ทั้งในระดับสากล และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้น เยสุอิตจะร่วมมือกับฆราวาสทั้งหญิงและชายในพระศาสนจักร กับนักบวช พระสงฆ์ และพระสังฆราชของพระศาสนจักรท้องถิ่นในพื้นที่ที่เราทำงานอยู่ เราจะทำงานกับสมาชิกของศาสนาอื่นๆ และชายหญิงทั้งมวลที่มีน้ำใจดีด้วย
6. กระแสเรียกสู่งานอภิบาลที่ต้องอาศัยความรอบรู้เชี่ยวชาญ
ภายในไม่นาน ท่านนักบุญอิกญาซีโอก็เริ่มเห็นความจำเป็นที่จะต้องศึกษาเล่าเรียน เพื่อจะได้ปฏิบัติรับใช้ตามความเชื่อ และกระทำงานอภิบาลเกี่ยวกับพระวาจาแล้ว ดังนั้น เยสุอิตจึงมีลักษณะเฉพาะ ที่จะผสมผสานความต้องการของท่านนักบุญอิกญาซีโอทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันอย่างสร้างสรรค์ คือ ใช้วิธีการทุกอย่างแบบมนุษย์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ วิชาความรู้ คุณธรรมตามธรรมชาติ ในขณะที่ยังคงพึ่งความช่วยเหลือจากพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าอย่างเต็มที่ ในสภาวะของการท้าทายที่ซับซ้อนและโอกาสในโลกร่วมสมัยของเรานั้น งานอภิบาลเรียกร้องการเรียนรู้ และสติปัญญา จินตนาการและไหวพริบ การศึกษาเล่าเรียนอย่างเข้มข้น และการวิเคราะห์อย่างเคร่งครัดเท่าที่เราสามารถจะรวบรวมได้
7. ชายผู้ถูกส่ง ที่พร้อมเสมอสำหรับภารกิจใหม่ๆ
ในการประกาศใช้พระธรรมนูญนั้น คุณพ่อนาดัล ตั้งคำถามว่า “ทำไมจึงต้องมีเยสุอิต?” และท่านก็ตอบเองแบบง่ายๆ ว่า ที่จริง พระพรพิเศษของเราซึ่งเป็นเหตุผลของเราในการดำรงอยู่ คือ การที่เราสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ที่ยังไม่มีใครสนองตอบต่อความต้องการที่มีอยู่ วิถีทางการปฏิบัติของเรากระตุ้นความเคลื่อนไหวเช่นนี้ โดยเนื้อแท้แล้ว เยสุอิต คือผู้ที่ได้รับมอบหมายภารกิจ ซึ่งตนได้รับมอบหมายจากสมเด็จ พระสันตะปาปา และจากอธิการในคณะของตน แต่เหนือสุดคือการได้รับมอบหมายจาก พระเยซูคริสตเจ้าเอง ซึ่งเป็นผู้ที่พระบิดาเจ้าทรงส่งมา สมาชิกในคณะแห่งพระเยซูเจ้า ยังคง “พร้อมทุกเวลาที่จะออกเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของโลก ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปา หรืออธิการของตนเป็นผู้ส่งไป” [พระธรรมนูญของคณะแห่งพระเยซูเจ้า]
8. การเสาะแสวงหา “สิ่งที่ดียิ่งขึ้น” เสมอ
การเสาะแสวงหา.“สิ่งที่ดียิ่งขึ้น”.นั้น มิได้เป็นเพียงหนึ่งในลักษณะเฉพาะของเยสุอิตเท่านั้น.แต่ซึมซาบลักษณะเฉพาะทั้งหมด.ทั้งชีวิตของท่านนักบุญอิกญาซีโอเป็นการแสวงบุญเพื่อจะแสวงหา “สิ่งที่ดียิ่งขึ้น” คือ เพื่อเทิดพระเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้ามากยิ่งขึ้น การรับใช้เพื่อนมนุษย์ที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความดีสากลมากยิ่งขึ้น และเพื่อวิธีการแพร่ธรรมที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “ตามโลกทัศน์ของท่านนักบุญอิกญาซีโอนั้น ไม่ยึดลักษณะพื้นๆ ธรรมดาสามัญเลย” [คุณพ่อปีเตอร์-ฮันส์ คอลเวนบาค]
บทสรุป
วิถีทางของเราคือวิถีทางแห่งการท้าทาย แต่ “วิถีทางการปฏิบัตินี้เป็นเหตุผลที่บุตรชายแต่ละคนของคณะฯ จะต้องปฏิบัติและตอบโต้ให้สอดคล้องกับวิถีทางแบบเยสุอิต และแบบนักบุญอิกญาซีโอ แม้ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์ที่คาดไม่ถึงเลยก็ตาม” [คุณพ่อเปโดรฺ อารูเป]
ขอให้เราซื่อสัตย์ต่อวิถีทางของพระคริสตเจ้ายิ่งมากขึ้นเสมอ วิถีทางนั้นซึ่งนักบุญอิกซาซีโอได้เป็นแบบอย่าง
"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดสอนแนวทางของพระองค์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อจะได้ประสานเข้ากับแนวทางของข้าพเจ้าทั้งหลายในโลกปัจจุบัน
ในการเลียนแบบท่านนักบุญอิกญาซีโอยิ่งมากขึ้น คือ การเป็นเพื่อนร่วมงานของพระเยซูเจ้า และสานต่องานแห่งการไถ่กู้ของพระองค์"
[คุณพ่อเปโดรฺ อารูเป]